วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2551
ความสุขแปรผันตรงกับการเมื่อยตูด
ทุกเช้าตื่นมาจะต้องเจอกับสภาพเดิมๆ ทีวีเครื่องเดิม พัดลมตัวเดิม กับความรู้สึกเดิมๆ เหงาปนขี้เกียจ วันนี้วันดีตื่นมาพร้อมหน้า 3 คนพ่อลูก ขาดแค่แม่ไปคนเดียวเอง นานๆ พ่อกะน้องจะมาเยี่ยมที่หอซักที วันดีแบบนี้จะให้ปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร คิดได้แบบนั้น โปรแกรมตะลุยเดี่ยวเที่ยวเมืองกรุง ในเวลาอันจำกัดก็ผุดขึ้นมา....โปรแกรมแรกพาพ่อไปทัวร์พันธุ์ทิพย์พลาซา ห้างคอมฯ มโหฬาร พากันไปเดินหาซื้อกระดาษสติ๊กเกอร์สำหรับพิมพ์งานของพ่อ จนได้ของเป็นที่ถูกใจแล้ว ขาลงบันไดเลื่อนก่อนออกห้างฯ ก็สะดุดกับกองสินค้าแปลกๆ เต็มเลย อย่างปากกาวิเศษสามารถลบได้ด้วยยางลบดินสอ จักรเย็บผ้าขนาดจิ๋ว ลูกบอลนวดข้อมือ ฯลฯ ทุกอย่างแปลกประหลาดจนไม่กล้าซื้อเลย ระหว่างทางจากพันธุ์ทิพย์มุ่งหน้าไปยังห้าง World Trade ผมเดินผ่านขอทานคนนึง หน้าตาท่าทางก็ดูน่าจะพอทำมาหากินด้วยวิชาชีพอื่นได้ มัวมานั่งทำแขนด้วน ปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ทำไม ผมไม่เข้าใจเลย รู้งี้น่าลอง "จี๋เอว" เผื่อจะบ้าจี้มือไม้ใช้การได้ในบัดดลบ้างแถวถนนราชประสงค์เนี่ยห้างเยอะมากเลย ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด(ยักษ์)หลังจากที่สามกะเหรี่ยง เดินดูห้างนั้นเดินออกห้างนี้จนตัวเริ่มรุมๆ เลยพาหันมาไหว้พระสงบจิตสงบใจ ที่ศาลพระพรหมฯ อันลือเลื่อง ผมขอพรให้น้องเอ็นต์ติดด้วยเทอญ ไม่รู้จะท่านจะสับสนบ้างรึเปล่า วันๆ มีคนมาขอพรร่วมร้อย เกิดเบลอเบ๋อไบ๋ให้พรผิดทำงัยเนี่ย?โปรแกรมสุดท้ายวันนี้ "ดูหนังกลางแปลง" จัดขึ้นที่สวนสาธารณะสันติชัยปราการแถวถนนพระอาทิตย์ พ่วงกับงาน "หนังสือทำมือ" งานนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวเลย แถมอีกหนึ่งเด้งตรงที่ได้มากับครอบครัว แล้วก็ยังเป็นหนังกลางแปลงเรื่องแรกในชีวิตของน้องสาวด้วย ช่วงเวลาที่ไปถึงสวนฯ ประมาณ 5 โมงเย็นกว่าๆ แดดร่มลมตก มีคนขายหนังสือแบกับดิน เล่มเล็กเล่มใหญ่ บางเล่มก็นั่งระบายสีหน้าปกกันตรงนั้น นอกจากหนังสือก็ยังมีงานประดิษฐ์ประดอยจุ๊กจิ๊ก อย่างที่คั่นหนังสือโปสการ์ดสีน้ำ รูปถ่ายเท่ห์ๆ ดอกไม้สวยๆ ถนนพระอาทิตย์เป็นถนนเส้นหนึ่งที่ผมชอบมากที่สุดในบางกอก ความที่มีร้านรวงกิ๊บเก๋เพียบ ตั้งแต่ร้านกาแฟกรุ้มกริ่ม ร้านอาหารชื่อแปลก ร้านเหล้ายาปลาปิ้ง รวมทั้ง "ร้านหนังสือเล็กๆ" ที่อยู่ตรงข้ามป้อมพระสุเมรุพอดิบพอดี ร้านนี้ก็เป็นร้านหนังสือเล็กสมชื่อ ด้วยความที่เป็นห้องเล็กๆ หนังสือก็มีไม่มากเท่าไหร่ เล็กจนไม่มีหนังสือที่ผมต้องการอีกเช่นเคย กลับมาที่สวนฯ อีกครั้งมาทันหนังฉายพอดี เรื่องแรกของค่ำคืนนี้คือ "ฟ้าทะลายโจร" หนังไทยสีสวยภาพเท่ห์จนถึงขนาดถูกคัดเลือกให้ไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์ใหญ่หลายงาน ใครนะช่างเลือกหนังมาฉายดีแท้ เสียดายที่จอหนังกลางแปลงค่อนข้างเล็ก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ผมเคยดู จอผ้าใบสีขาวขนาดเกือบครึ่งสนามฟุตบอล กับลำแสงส่องข้ามหัว กลิ่นขนมถังแตก ลูกชิ้นปิ้ง ปลาหมึกบด ลอยคละเคล้าเสริมบรรยากาศ แต่ความรู้สึกหนึ่งที่เหมือนกัน คือ “เมื่อยตูด”มาก จะด้วยเพราะความยาวของหนัง หรือสภาพที่นั่ง ถึงแม้เมื่อก่อนจะปูหนังสือพิมพ์กลางสนามหญ้า กับปัจจุบันจะนั่งบนพื้นบันไดคอนกรีต ดูไปก็บิดก้นไปมา ข้างหน้า คนก็หัวบัง ข้างหลัง คนก็เมื่อย ยืดขามาอีก แหม...ถ้ามีที่นั่งแบบฮันนีมูนซีท ก็คงจะสบายตูดดีกว่านี้นักแล หนังจบตอนสามทุ่มกว่า เฮ่อ!!! เวลาของความสุขนี่ช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริง ผมบ่นกับตัวเอง จริงๆ อยากนั่งดูต่อเหมือนกัน เหลือหนังเรื่อง "ฉลุย" กับ "น้ำพุ" หนังดีๆทั้งนั้นเลย แต่พ่อกับน้องชักจะไม่ไหวแล้ว เริ่มงอแง พรุ่งนี้ต้องกลับเชียงใหม่แล้ว แถมดันจองตั๋วรถออกตั้งแต่ตี 5 เลยต้องจำใจกลับหอก่อน อยากให้มีงานแบบนี้บ่อยๆ จัง ผมนึกในใจ อย่างน้อยก็ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า "ความสุขมันแปรผันตรงกับความเมื่อยตูดนั่นเอง...."
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น